การฟอกสีฟัน (Tooth whitening)

การฟอกสีฟันเป็นกระบวนการที่ใช้สารเคมีหรือเทคโนโลยีเพื่อทำให้สีของฟันดูขาวขึ้น เหมาะสำหรับผู้ที่มีคราบสีหรือสีฟันเหลืองจากอาหารและเครื่องดื่ม เช่น ชา กาแฟ ไวน์แดง หรือการสูบบุหรี่ รวมถึงสีฟันที่คล้ำจากอายุที่มากขึ้น การฟอกสีฟันช่วยเพิ่มความมั่นใจในการยิ้มและปรับปรุงบุคลิกภาพได้เป็นอย่างมาก

ประเภทของการฟอกสีฟัน

การฟอกสีฟันแบ่งออกเป็นหลายวิธี โดยทั่วไปมีสองประเภทหลัก คือ การฟอกสีฟันโดยทันตแพทย์ในคลินิก และการฟอกสีฟันที่บ้าน

  1. การฟอกสีฟันในคลินิกทันตกรรม:
    • ใช้สารฟอกสีฟันที่มีความเข้มข้นสูงและอาจใช้แสงเลเซอร์หรือแสง LED เพื่อกระตุ้นการทำงานของสารฟอกสี ช่วยให้เห็นผลได้รวดเร็วภายในเวลา 1-2 ชั่วโมง
    • การฟอกสีในคลินิกมีความปลอดภัยสูง เนื่องจากทันตแพทย์ควบคุมปริมาณสารฟอกสีและป้องกันไม่ให้เกิดอันตรายต่อเหงือกหรือเนื้อเยื่ออื่น ๆ
    • เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการผลลัพธ์ที่รวดเร็วและชัดเจน
  2. การฟอกสีฟันที่บ้าน (Home Whitening Kits):
    • ทันตแพทย์จะทำถาดฟอกสีฟันเฉพาะบุคคลและให้ผู้ป่วยนำสารฟอกสีที่มีความเข้มข้นต่ำกว่ามาทำเองที่บ้าน โดยควรใส่ถาดตามคำแนะนำ เช่น วันละ 1-2 ชั่วโมงเป็นเวลา 1-2 สัปดาห์
    • มีความสะดวกสบายและช่วยประหยัดค่าใช้จ่าย แต่ต้องใช้ระยะเวลานานกว่าและผู้ป่วยต้องปฏิบัติตามคำแนะนำอย่างเคร่งครัด
  3. แผ่นฟอกสีฟัน (Whitening Strips) และผลิตภัณฑ์อื่น ๆ:
    • มีแผ่นฟอกสีฟันซึ่งสามารถหาซื้อได้ตามร้านค้าทั่วไป โดยมีสารฟอกสีฟันที่ไม่เข้มข้นมาก สามารถติดบนฟันเองได้
    • ผลลัพธ์อาจไม่เท่ากับการฟอกสีในคลินิก แต่อาจช่วยลดคราบสีบางอย่างได้ในระดับหนึ่ง

ขั้นตอนการฟอกสีฟันในคลินิก

  1. การตรวจสภาพฟัน:
    • ทันตแพทย์จะตรวจดูสภาพฟัน เหงือก และเนื้อเยื่อในช่องปากเพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีปัญหาที่อาจขัดขวางการฟอกสีฟัน เช่น ฟันผุ เหงือกอักเสบ หรือโรคเหงือก
    • หากพบปัญหาจะต้องรักษาให้เรียบร้อยก่อนทำการฟอกสีฟัน
  2. การทำความสะอาดฟัน:
    • ทันตแพทย์จะทำการขูดหินปูนและทำความสะอาดฟันอย่างละเอียด เพื่อให้ฟันไม่มีคราบหินปูนหรือคราบสกปรก ซึ่งจะช่วยให้สารฟอกสีสามารถทำงานได้ดีขึ้นและเห็นผลชัดเจนขึ้น
  3. การป้องกันเหงือกและเนื้อเยื่ออ่อน:
    • ทันตแพทย์จะใช้เจลหรือแผ่นป้องกันเหงือกและเนื้อเยื่ออ่อนรอบ ๆ ฟัน เพื่อป้องกันไม่ให้สารฟอกสีสัมผัสกับเหงือกและเนื้อเยื่ออ่อน ซึ่งอาจทำให้เกิดการระคายเคืองได้
  4. การทาสารฟอกสีฟัน:
    • ทันตแพทย์จะทาสารฟอกสีฟันที่ประกอบด้วยไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์หรือคาร์บาไมด์เปอร์ออกไซด์ลงบนฟัน แล้วใช้แสงเลเซอร์หรือแสง LED เพื่อกระตุ้นสารให้ทำงานเร็วขึ้น
    • ขั้นตอนนี้อาจใช้เวลาประมาณ 15-20 นาทีต่อรอบ ขึ้นอยู่กับสภาพสีของฟันและความต้องการของผู้ป่วย โดยอาจทำ 2-3 รอบในแต่ละครั้ง
  5. การทำความสะอาดและการตรวจผล:
    • เมื่อฟอกสีฟันเสร็จแล้ว ทันตแพทย์จะทำความสะอาดสารฟอกสีออกจากฟัน และตรวจดูผลลัพธ์ว่าสีฟันขาวขึ้นตามต้องการหรือไม่
    • ทันตแพทย์จะให้คำแนะนำการดูแลฟันหลังการฟอกสีเพื่อรักษาสีฟันให้ขาวนานยิ่งขึ้น

ข้อควรระวังและคำแนะนำหลังการฟอกสีฟัน

  • หลีกเลี่ยงอาหารและเครื่องดื่มที่มีสีเข้ม เช่น กาแฟ ชา ไวน์แดง น้ำอัดลม และอาหารที่มีสีสังเคราะห์ในช่วง 48 ชั่วโมงแรก
  • งดสูบบุหรี่ เนื่องจากสารนิโคตินจะทำให้สีฟันกลับมาคล้ำเร็วขึ้น
  • ใช้ยาสีฟันสำหรับฟันขาวเพื่อช่วยคงสภาพสีฟัน
  • หมั่นแปรงฟันและใช้ไหมขัดฟันอย่างสม่ำเสมอ และเข้าพบทันตแพทย์เพื่อตรวจสุขภาพช่องปากเป็นประจำ

ความเสี่ยงและผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น

  • อาการเสียวฟัน: เป็นผลข้างเคียงที่พบได้บ่อย อาจเกิดขึ้นชั่วคราวภายหลังการฟอกสีฟัน ควรหลีกเลี่ยงอาหารและเครื่องดื่มที่เย็นหรือร้อนในช่วงแรก ๆ
  • การระคายเคืองเหงือก: สารฟอกสีฟันอาจทำให้เกิดการระคายเคืองในบางกรณี แต่ควรหายไปเองภายในไม่กี่วัน

การฟอกสีฟันเป็นการเสริมความสวยงามของฟันและรอยยิ้ม แต่ควรปรึกษาทันตแพทย์เพื่อเลือกวิธีที่เหมาะสมและปลอดภัยกับสภาพฟันของแต่ละบุคคล

Scroll to Top